การแก้ปัญหาระบบไฟฟ้ารถตัดอ้อย CASE A8000

การแก้ปัญหาระบบไฟฟ้ารถตัดอ้อยรุ่น A8000
รถตัดอ้อยเคส รุ่น A8000 ถือว่าเป็นรถตัดอ้อยที่ใช้ระบบ CAN และระบบไฟฟ้าในการควบคุมการทำงานของรถตัดอ้อยรุ่นนี้ทั้งหมด ซึ่งทำให้คนที่ไม่เคยซ่อมคิดว่ามันยาก แต่ในความเป็นจริงระบบที่สร้างมานี้เพื่อให้การซ่อมและการใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม เชื่อผมเถอะไม่มีนักพัฒนาคนใดที่จะสร้างสิ่งต่างๆ ให้มันใช้งานยากขึ้น ซ่อมยากขึ้น ที่มันยากเพราะเราอาจจะไม่มีพื้นฐานมันมาก่อนหรือคือยังไม่เคยศึกษามาก่อน บางครั้งเราอ่านตำราก็ยากมากที่จะเข้าใจเพราะเป็นศัพท์เฉพาะ ฟังแล้วไม่เข้าใจ หรืออีกนัยคือวิศวะกรที่สร้างขึ้นมานั้นเก่งมากจนบางครั้งตำราที่เขียนอาจคิดว่าคนที่อ่านเข้าใจในสิ่งที่เขาได้เขียนขึ้นมา จึงกลายเป็นว่า คนที่อ่านไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อให้เรา หรือถ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพยายามบอกก็ให้นึกถึง เวลาแพทย์เขียนใบสั่งยาหรือวินิจฉันโรค ประมาณนั้นครับ ครั้งนี้ผมจะรวบรวมสิ่งที่จำเป็นสำหรับงานที่จะต้องใช้ในการแก้ปัญหาระบบไฟฟ้าให้คนอ่านเข้าใจง่ายจากการแปลตำราและประสบการณ์ของผม
ทั้งหมดนี้จะสามารถแก้ปัญหาระบบไฟฟ้าเวลารถไม่ทำงานหรือระบบใดระบบหนึ่งไม่ทำงาน แต่อาจจะไม่ถึงขนาดที่จะวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้เพราะถ้าจะลงลึกขนาดนั้นคงต้องเรียนกันแบบจริงจังถึงจะสามารถทำได้ขนาดนั้น แต่ว่าถ้าผู้อ่านติดปัญหาหรือต้องการรู้ถึงต้นตอปัญหาสามารถสอบถามเข้ามาได้ครับเพื่อการแก้ปัญหาให้ได้ครบสมบูรณ์ต่อไปครับ
ผมมีพูดถึงระบบไฟฟ้าและระบบ CAN หลายคนคงสงสัยรถตัดอ้อยมีระบบ CAN ด้วยเหรอ แล้วมันคืออะไร ผมตอบง่ายๆ คือ รถสมัยใหม่ ๆ ที่มีมูลค่าสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรถทางการเกษตร รถอุตสาหกรรม หรือแม้แต่รถยนต์รุ่นใหม่และแพงๆ ที่มีระบบออโต้ต่างๆ จะมีกล่องโมดูลหรือที่พวกเราเรียกว่ากล่อง ECU (สมองกล)นั่นหล่ะ โดยพวกสมองกลจะรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างๆ ของตัวรถแล้วนำข้อมูลมาผ่านกล่องเพื่อประมวณผลไปแสดงที่หน้าจอมอนิเตอร์และออกคำสั่งให้ระบบทำงานแบบอัตโนมัติหรือออโต้ที่เราเรียกกัน สิ่งที่ทำให้สิ่งต่างๆ ทำงานอย่างเป็นระบบและมีการส่งข้อมูลหรือการสื่อสารระหว่างกล่องต่างๆ นี้เราเรียกว่าระบบ CAN โดยระบบนี้เป็นการเรียนแบบระบบประสาทของมนุษย์เราที่มีผิวหนังรับความรู้สึกเหมือนเป็นเซนเซอร์แล้วส่งความรู้สึกที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นร้อน หรือเย็นกลับไปให้สมองของเรา สมองเราก็เหมือนกล่อง ECU นี้หล่ะครับที่จะแปลงเป็นภาพให้เรารับรู้และขณะเดียวกันก็ส่งคำสั่งอัตโนมัติให้ชักมือหรือขยับออกจากความร้อนหรือความเย็นนนั้นครับ
หลักการการซ่อมระบบไฟฟ้า
1. ก่อนการซ่อมระบบไฟฟ้าให้สอบถามสาเหตุหรืออาการของรถที่ผิดปกติก่อนการซ่อมทุกครั้ง
2. หลังจากนั้นให้ตรวจเช็คสายไฟและชิ้นส่วนจุดที่ได้รับแจ้งให้ละเอียดเพื่อหาสาเหตุ อาจมีสายไฟขาดหรือสายไฟที่ช๊อตได้
3. ถ้าทุกอย่างปกติให้ทำการเปิดหน้าจอ(ไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์) เพื่อดูว่ามี Error Code ขึ้นหรือไม่ ถ้ามีให้ทำการแก้ไข
4. ถ้าหน้าจอปกติไม่มี Error Code ให้ดูค่าไฟที่หน้าจอ ค่าไฟที่หน้าจอต้องประมาณ 12.5 โวลต์ ถ้าไม่ได้ให้ตรวจเช็คแบตเตอร์รี่และขั้วแบตเตอร์รี่ต่างๆ
5. ถ้าค่าไฟปกติให้สตาร์ทเครื่องยนต์และดูว่ามี Error Code ขึ้นหรือไม่ ถ้ามีให้ทำการแก้ไขตาม Error Code ที่เกิดขึ้น ( เวลาจะซ่อมรถต้องดับเครื่องยนต์และชักกุญแจออกจากสวิตช์สตารทก่อนลงจากเบาะนั่ง)
6. ถ้าไม่มี Error Code เกิดขึ้นให้ทำการทดลองระบบที่ได้รับแจ้งว่าเสียหายและตรวจเช็คอีกที ถ้าการเสียหาย(Error Code )ยังขึ้นอยู่ให้ทำการแก้ไขหรือติดต่อช่างเข้ามาแก้ไขต่อไป หรือ... ติดต่อช่าง หจก.พ.แทรคเตอร์กำแพงเพชรของเราได้ครับ
ชิ้นส่วนอุปกรณไฟฟ้ารถตัดอ้อย เคส A8000
แบตเตอร์รี่รถตัดอ้อย เคส A8000
แบตเตอร์รี่เป็นโหลดของไดร์ชารจและช่วยในการสตารทเครื่่องยนต์ โดยรถตัดอ้อย เคส A8000 ใช้แบตเตอร์รี่ 2 ลูก(ไฟ 24 โวลต์) สำหรับสตารทเท่านั้น แต่ไฟในระบบอื่นๆ ของตัวรถตัดอ้อยใช้ไฟ 12 โวลต์
การพ่วง (จั๊ม) แบตเตอรี่
1. ให้หนีบสายสีแดง หนีบเข้าที่ขั้วบวก (+) ของรถที่ไฟหมด
2. อีกปลายข้างหนึ่งของสายสีแดงหนีบเข้าที่ขั้วบวก (+) ของรถที่มีไฟเต็ม
3. ให้หนีบสายสีดำเข้าที่ขั้วลบ (-) ของรถที่มีไฟ
4. อีกปลายข้างหนึ่งของสายสีดำหนีบเข้าที่ตัวถังของรถแทรกเตอร์คันที่ไฟหมด
ไดร์ชารจ
อยู่ข้างเครื่องยนต์ แถวด้านหน้าเครื่องยนต์
..............................................................................................
จอยสติ๊ค
อยู่ภายในห้องเก๋ง ด้านซ้ายมือของคนขับ ใช้ในการขับเคลื่อนรถตัดอ้อย(ต้องปลดเบรคก่อนน่ะถึงจะใช้งานได้)
รถที่ใช้งานมาเป็นเวลาหลายปีควรมีการเช็คค่าเซนเซอร์พวงมาลัยบ่อย ๆ หรือทุกอาทิตย์ โดยค่าเลี้ยวซ้ายสุดต้องอยู่ที่ประมาณ -98% และเลี้ยวขวาควรอยู่ที่ 98% หรือถ้าให้ดีควรอยู่ที่ 100% ถ้าค่าต่ำกว่านี้ควรจะคาลิเบตใหม่
..............................................................................................
แผงฟิวส์
1 ปลั๊กชุดสายไฟห้องเก๋ง C-409
2 ปลั๊กชุดสายไฟท่อนหน้า C-403
3 ปลั๊กชุดสายไฟห้องเก๋ง C-410
4 ปลั๊กชุดสายไฟเครื่องยนต์ C-406
5 ปลั๊กชุดสายไฟ GPS C-401
6 ปลั๊กชุดสายไฟห้องเก๋ง C-408
7 ปลั๊กชุดสายไฟห้องเก๋ง C-407
8 ปลั๊กชุดสายไฟท่อนหน้า C-404
9 ปลั๊กชุดสายไฟเครื่องยนต์ C-405
10 ปลั๊กชุดสายไฟกล่องวาล์วเสริม(ตัดเครือย์ โน้อมอ้อย คว่าหงายสกี) C-402
11 รีเลย์ 001 ถึง 019
12 ฟิวส์ (Fuses) F001 ถึง F070
13 ไฟจากแบตเตอรี่ 12V
ฟิวส์
ฟิวส์มีหน้าที่ในการป้องกันระบบไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟเกินฟิวส์จะรับค่ากระแสไฟได้ตามที่สร้างมาถ้ากระแสไฟที่เข้ามาเกินไปฟิวส์จะขาดและตัดระบบ โดยจะเกิดจากการช๊อตในระบบหรือชิ้นส่วนหรืออุปรณ์ที่รับไฟไปต้องการไฟที่เกินกว่าที่ฟิวส์จะรับได้ ฟิวส์มีหลายแบบ แต่หลักกการทำงานจะเหมือนกันโดยที่การแบ่งระดับของฟิวส์ว่าจะกี่แอมป์ขึ้นอยู่กับว่าความต่อเนื่องของกระแสไฟที่จะผ่านตัวฟิวส์มากน้อยขนาดไหน ถ้าฟิวส์ขาดจะต้องเปลี่ยนฟิวส์ที่มีขนาดของแอมป์เท่าเดิม แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วยังขาดต้องหาสาเหตุและแก้ไข โดยที่ฟิวส์สามารถตรวจเช็คด้วยการดูด้วยสายตาหรือเช็คที่ฟิวส์เช็คที่แผงฟิวส์ได้
F-001 40A ฟิวส์ส่งกระแสไฟไปรีเลย์ไฟหน้า
F-002 40A ฟิวส์ส่งกระแสไฟไปรีเลย์ไฟหน้า
F-003 –
F-004 15A ฟิวส์สำรอง
F-005 15A ฟิวส์ชุดโน้มอ้อย
F-006 15A ฟิวส์รีเลย์ 12/24
F-007 5A ฟิวส์ไฟเบรก
F-008 10A ฟิวส์คุมไพรอทวาล์ว 1/2 ชุดตัดยอด
F-009 15A ฟิวส์ควบคุมทิศทางการหมุนชุดตัดยอดซ้าย/ขวา
F-010 15A ฟิวส์ไฟท้าย(ออพชั่น)
F-011 15A ฟิวส์สำหรับติดตั้งระบบไฟเพิ่มเติมไฟ(ออพชั่น)
F-012 15A ฟิวส์สำหรับติดตั้งระบบไฟเพิ่มเติมไฟ(ออพชั่น)
F-013 10A ฟิวส์ที่จุดบุหรี่
F-014 10A เต้าเสียบ 12V
F-015 20A ฟิวส์ที่ปัดน้ำฝน
F-016 10A ฟิวส์ควบคุมการยกวางชุดตัดโคนและยกวางชุดตัดยอด
F-017 10A ฟิวส์ควบคุมการยกวางชุดเกลียวแบ่งอ้อยทั้งด้านซ้ายและขวา
F-018 5A ฟิวส์สวิทช์ไฟถอยหลัง / แตร
F-019 10A ฟิวส์คุมการจ่ายกระแสไฟจากสวิตช์สตาร์ทสวิทช์วิทยุ/ซีดีและโมดูลปรับอากาศ
F-020 10A ฟิวส์สำหรับส่งกระแสไฟจากสวิตช์สตาร์ทไปสะพานหาง(ออพชั่น)
F-021 10A ฟิวส์มอเตอร์ที่ปัดน้ำฝน
F-022 10A ฟิวส์ จีพีเอส
F-023 15A การกระตุ้นการทำงานเครื่องยนต์ในที่นั่งผู้ใช้
F-024 5A ฟิวส์คุมการจ่ายไฟไปสวิทช์คอนโซลด้านขวา
F-025 15A ฟิวส์ควบคุมการหมุนของชุดตัดเครือย์
F-026 10A ฟิวส์ควบคุมการยกวางชุดตัดเครือย์
F-027 10A ฟิวส์คุมชุดค่ำหงายสกี
F-028 –
F-029 –
F-030 –
F-031 25A ฟิวส์ไฟหลังห้องเก๋ง
F-032 3A ฟิวส์ไฟหน้าและหลัง (ติดตั้งเพิ่มเติม)
F-033 3A ฟิวส์ไฟหน้าและหลัง (ติดตั้งเพิ่มเติม)
F-034 15A ฟิวส์ไฟหน้า (ด้านนอก)
F-035 15A ฟิวส์ไฟหน้า (ตัวกลาง)
F-036 25A ฟิวส์ไฟส่องชุดตัดโคนและชุดตัดยอด (ออพชั่น)
F-037 5A ฟิวส์สวิตช์สตาร์ท
F-038 5A ฟิวส์คุมการจ่ายกระแสไฟไป SCM1
F-039 10A ฟิวส์ชุดไฟหลังคารถ
F-040 20A ฟิวส์ชุดวิทยุ/ซีดี และวิทยุ
F-041 25A ฟิวส์สำหรับชุดไฟส่องทำงานตัดอ้อย
F-042 7.5A ฟิวส์คุมหน้าจอ/ข้อต่อ diagnosis / คอนโซลด้านขวา
F-043 10A ฟิวส์คุมชุดตัดโคนและสับท่อน กินอ้อย - คายอ้อย
F-044 5A สำรอง (Standby)
F-045 10A ฟิวส์คุมชุดปรับเอียงตัดโคน
F-046 3A ฟิวส์จ่ายกระแสไฟไปโมดูล SCM 1
F-047 3A ฟิวส์คุมการจ่ายกระแสไฟจากสวิตช์สตาร์ทไป SCM 2
F-048 3A ฟิวส์คุมการจ่ายกระแสไฟจากสวิตช์สตาร์ทไป SCM 3
F-049 10A ฟิวส์คุมความยาวท่อนอ้อย / พัดลมใหญ่ / ชุดวาล์ว PWM พัดลมใหญ่
F-050 15A ฟิวส์คุมชุดบินแฟลบ พัดลมเล็ก กล่องวาล์สะพานหางและสะพานหาง
F-051 15A ฟิวส์คุมการเบนหาง ดิฟล็อค เบรคมือ
F-052 15A ฟิวส์คุมไฟเลี้ยว
F-053 10A ฟิวส์คุมการหมุนพัดลมเล็ก
F-054 10A ฟิวส์คุมการหมุนพัดลมใหญ่
F-055 –
F-056 –
F-057 30A ฟิวส์คุมการจ่ายกระแสไฟไปรีเลย์ดูดอากาศ ตัวที่ 1,2 และ 3
F-058 10A ฟิวส์คุมการจ่ายกระแสไฟไปรีเลย์ขับเคลื่อน
F-059 7.5A ฟิวส์คุมการจ่ายไฟไปคอย์แอร์
F-060 25A ฟิวส์คุมการจ่ายไฟไปรีเลย์แตร
F-061 10A ฟิวส์ควบคุมการดุดอากาศ
F-062 15A สำรอง (Standby)
F-063 25A สำรอง (Standby)
F-064 5A การทดสอบฟิวส์
F-065 ว่าง
F-066 ว่าง
F-067 ว่าง
F-068 ว่าง
F-069 ว่าง
F-070 ว่าง
F-071 ว่าง
F-100 40A ฟิวส์เครื่องยนต์
รีเลย์
รีเลย์เป็นสวิตช์แม่เหล็กไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้สำหรับ ปิด หรือ เปิด ชิ้นส่วนขนาดใหญ่หรือระบบ ซึ่งหลักการทำงานก็เหมือนกับสวิตช์ทั่วๆ ไป ส่วนประกอบของรีเลย์ประกอบด้วย คอยน์ที่เป็นแม่เหล็กไฟฟ้า ขดลวดที่พันคอยน์ และตัวแขนที่เป็นเหล็กสปริง เมื่อมีกระแสไฟจ่ายไปที่ขดลวดที่พันคอยน์ไฟฟ้าจะทำให้เกิดเป็นสนามแม่เหล็กและดึงขาสปริงมาแตะที่ขาที่มีหน้าคอนแทคติดอีกฝั่งทำให้ระบบสมบูรณ์กระแสไฟจ่ายไปยังอุปกรณ์เพื่อที่จะเปิดทำงาน โดยมีระบบไฟฟ้า 2 ระบบที่ต่อสั่งงานรีเลย์
1. ระบบสั่งงานโดยที่จะใช้รีเลย์ตัวอื่นในการสั่งเปิดหรือปิด แล้วส่งกระแสไฟไปเปิดระบบทำงานต่างๆ ตัวอย่างเช่น ไฟส่องสว่าง โซลินอยด์เป็นต้น
2. ระบบสั่งงานด้วยสวิตช์กดธรรมดาใช้สำหรับคุมรีเลย์ต่างๆ
ข้อดีของรีเลย์ไฟฟ้าที่ดีกว่าสวิตช์ทั่วไปคือ
1. ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในรีเลย์ต้องการน้อยกว่าสวิตช์ทั่วไป
2. สวิตช์ทั่วไปจะมีวงจรที่ยาวกว่าของรีเลย์ซึ่งจะทำให้ค่าโวลต์ดรอปมีค่ามากกว่ารีเลย์
รีเลย์ที่ใช้ในรถตัดอ้อยมี 3 แบบคือ
1. ไมโครรีเลย์ (รีเลย์ที่ใช้ทั่วไป)
2. มินิรีเลย์
3. ไทม์เมอร์ดีเลย์
ที่ฝาคลอบของรีเลย์จะมีสัญลักษณ์หรือตัวเลขที่บ่งบอกดังนี้
1. 3 หรือ 30 เป็นช่องกระแสไฟเข้าจากแบตเตอร์รี่(สำหรับใช้โหลด)
2. 2 หรือ 85 เป็นช่องออกของกระแสไฟฟ้าจากคอยน์ลงกาวน์
3. 1 หรือ 86 เป็นช่องกระแสไฟเข้าจากคอยน์
4. 4 หรือ 87 เป็นช่องกระแสไฟไปใช้งานปกติเป็นแบบ NC (วงจรครบสมบูรณ์พร้อมทำงาน)
5. 5 หรือ 87A เป็นช่องกระแสไฟไปใช้งานปกติเป็นแบบ NO (วงจรไม่ครบสมบูรณ์ไม่พร้อมทำงาน)
RLY-001 รีเลย์เซฟตี้ของโมดูล SCM 1
RLY-002 รีเลย์เซฟตี้ของโมดูล SCM 2
RLY-003 รีเลย์เซฟตี้ของโมดูล SCM 3 และโมดูลขับเคลื่อน
RLY-004 รีเลย์หลัก
RLY-005 รีเลย์ไทม์เมอร์
RLY-006 รีเลย์จ่ายกระแสไฟไปโมดูล SCM 1
RLY-007 รีเลย์จ่ายกระแสไฟไปโมดูล SCM 2
RLY-008 รีเลย์จ่ายกระแสไฟไปโมดูล SCM 3
RLY-009 รีเลย์ไฟหน้า
RLY-010 รีเลย์ไฟหน้า
RLY-011 รีเลย์แตร
RLY-012 –
RLY-013 รีเลย์เซนเซอร์ดูดอากาศตัวที่ 2
RLY-014 รีเลย์เซนเซอร์ดูดอากาศตัวที่ 3
RLY-015 รีเลย์เซนเซอร์ดูดอากาศตัวที่ 1
RLY-016 รีเลย์ไฟท้าย (ออพชั่น)
RLY-017 รีเลย์คอมแอร์
RLY-018 รีเลย์ชุดขับเคลื่อน
RLY-019 รีเลย์สตาร์ท
..............................................................................................
จอมอนิเตอร์
อยู่ด้านขวาของห้องเก๋ง ทำหน้าที่แสดงค่าต่าง ๆ และ Error Code รวมถึงใช้ในการคาลิเบตรถตัดอ้อย
ค่าอะไรบ้างที่หน้าจอมอนิเตอร์ที่เราต้องคอยสังเกตุ
ค่าแรงดันน้ำมันเครื่อง
ห้ามต่ำกว่า 4 บาร์
ค่าอุณหภูมิน้ำยาหล่อเย็น
ห้ามเกิน 95 องศา
ค่าไฟแบตเตอร์รี่
ไม่ควรต่ำกว่า 12.4 โวลต์
ดูการเสียหาย หรือ Error Code
โดยปกติแล้วเวลาเกิด Error Code จะมีโค๊ตขึ้น แบบนี้คือ
ตัวอย่าง E-XXXX-AA
โดย E = Error Code หรือการเสียหาย(ปัญหา)
xxxx = จุดหรือตำแหน่งที่มีปัญหา
AA = อาการที่เสียหายหรือสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ เพื่อช่วยให้เรานำไปแก้ปัญหาต่อไป
โดยอาการเสียหายที่อยูด้านท้าย 2 ตัว จะมีความหมายตามนี้
00 ข้อมูลถูกต้องแต่สูงกว่าระดับการใช้งานปกติ - ระดับความรุนแรงสูงสุด
01 ข้อมูลถูกต้องแต่ต่ำกว่าระดับการใช้งานปกติ - ระดับความรุนแรงสูงสุด
02 ข้อมูลคลาดเคลื่อน, ไม่ต่อเนื่องหรือไม่ถูกต้อง
03 แรงดันไฟฟ้าสูงกว่าปกติ หรือลัดวงจรกับสายไฟที่มีกระแสแรงกว่า
04 แรงดันไฟฟ้าสูงกว่าปกติ หรือลัดวงจรกับสายไฟที่มีกระแสอ่อนกว่า
05 กระแสต่ำกว่าปกติหรือสายไฟขาด
06 กระแสไฟสูงกว่าปกติหรือสายไฟรั่วลงกาวน์
07 ระบบกลไกไม่ตอบสนองหรือไม่สามารถปรับตั้งค่าได้
08 ความถี่หรือช่วงกว้างของพัลซ์ผิดปกติ
09 อัตราการอัพเดทผิดปกติ
10 อัตราการเปลี่ยนผิดปกติ
11 ไม่ทราบสาเหตุพื้นฐานที่แท้จริง
12 อุปกรณ์หรือส่วนประกอบที่ควบคุมผิดปกติ
13 ค่าคลาดเคลื่อน ต้องคาลิเบต
14 ข้อแนะนำพิเศษ
15 ข้อมูลถูกต้องแต่สูงกว่าระดับการใช้งานปกติ - ระดับความรุนแรงต่ำสุด
16 ข้อมูลถูกต้องแต่สูงกว่าระดับการใช้งานปกติ - ระดับความรุนแรงปานกลาง
17 ข้อมูลถูกต้องแต่ต่ำกว่าระดับการใช้งานปกติ - ระดับความรุนแรงต่ำสุด
18 ข้อมูลถูกต้องแต่ต่ำกว่าระดับการใช้งานปกติ - ระดับความรุนแรงปานกลาง
19 ข้อมูลเครือข่ายที่ได้รับมีความผิดพลาด
สำหรับข้อมูลรหัสเสียหายสามารถดูได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
https://schandtractor.blogspot.com/2022/05/error-code-a8000_13.html
..............................................................................................
กล่อง RHM Right Hand Module(กล่องแผงคอนโทรล)
อยู่ด้านในของแผงคอนโซลด้านขวาต้องเปิดฝาปิดที่เก็บของแล้วดึงที่เก็บของออกมาจะเห็นกล่องอยู่ด้านใน ควบคุมปุ่มกดทั้งหมดของคอนโซลด้านขวา
..............................................................................................
กล่อง SCM Sugar Cane Module 1 -3
อยู่ใต้แผงคอนโซลด้านขวา มีฝาคลอบปิดอยู่ต้องเปิดฝาคลอบออกมาจึงจะเห็น กล่องต่างจะทำหน้าที่ในการควบคุมการตัดอ้อยทั้งคัน
SCM 3 ( # 28 )
SCM 2 ( # 27 )
SCM 1 ( # 26 )
..............................................................................................
กล่องขับเคลื่อน traction Module
อยู่ติดกับกล่อง SCM 3 ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนที่ ทั้งการเลี้ยวและเดินหน้า ถอยหลัง
..............................................................................................
มอเตอร์ที่ปัดน้ำฝน
อยู่ใต้หลังคา จำเป็นที่จะต้องเปิดหลังคาก่อน
..............................................................................................
มอเตอร์พัดลมแอร์
อยู่ใต้หลังคา จำเป็นที่จะต้องเปิดหลังคาก่อน
..............................................................................................
แตร
อยู่ใต้หลังคา ด้านขวา
..............................................................................................
GPS
อยู่ด้านบนหลังคา ทำหน้าที่รับสัญญาณจากดาวเทียมเพื่อคำนวนความเร็วการเคลื่อนที่ของรถตัดอ้อย
..............................................................................................
ไฟเบค่อนและเสารับสัญญาณวิทยุ
อยู่ด้านบนหลังคา
..............................................................................................
มอเตอร์น้ำฉีดกระจก
อยู่ใต้ห้องเก๋งต้องเปิดหัวเก๋งขึ้น
..............................................................................................
คัตเอ้าท์
อยู่ใต้หัวเก๋ง ต้องเปิดหัวเก๋งขึ้น ทำหน้าที่ตัดไฟจากแบตเตอร์รี่ที่จะเข้าไปที่ชุดแผงฟิวส์ในหัวเก๋ง
..............................................................................................
เซนเซอร์เบรค
อยู่ใต้ห้องเก๋งต้องเปิดหัวเก๋งขึ้น
..............................................................................................
เซนเซอร์ระดับน้ำมันโซล่า
อยู่บนถังน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องเปิดหัวเก๋งก่อน
..............................................................................................
ซิกแบงค์
อยู่ข้างแบตเตอร์รี่ ต้องเปิดแบตเตอร์รี่ออกมาก่อน ควบคุมฟังก์ชั่นยกกระบอกต่างๆ และหมุนปล่องพัดลมใหญ่
1 - ไพลอทวาล์วตัวที่ 1
2 - ไพลอทวาล์วตัวที่ 2
3 - โซลินอยด์ยกชุดตัดโคน
4 - โซลินอยด์วางชุดตัดโคน
5 - โซลินอยด์ยกชุดตัดยอด
6 - โซลินอยด์วางชุดตัดยอด
7 - โซลินอยด์ยกเกลียวแบ่งอ้อยด้านขวา
8 - โซลินอยด์วางเกลียวแบ่งอ้อยด้านขวา
9 - โซลินอยด์ยกเกลียวแบ่งอ้อยด้านซ้าย
10 - โซลินอยด์วางเกลียวแบ่งอ้อยด้านซ้าย
11 - โซลินอยหมุนปล่องพัดลมใหญ่ด้านขวา
12 - โซลินอยด์หมุนปล่องพัดลมด้านซ้าย
13 - โซลินอยด์เบนหางด้านขวา
14 - โซลินอยด์เบนหางด้านซ้าย
..............................................................................................
ชุดวาล์วกระบอกเสริม
อยู่ด้านขวาของแบตเตอร์รี่ ต้องเปิดดึงแท่นแบตเตอร์รี่ออกมา ควบคุมชุดกระบอกที่เป็นออพชั่น
1 - โซลินอยด์หุบชุดโน้มอ้อย
2 - โซลินอยด์ยืดชุดโน้มอ้อยออก
3 - โซลินอยด์คว่ำชุดเกลียวแบ่งอ้อยด้านขวา
4 - โซลินอยด์หงายเกลียวแบ่งอ้อยด้านขวา
5 - โซลินอยด์คว่ำเกลียวแบ่งอ้อยด้านซ้าย
6 - โซลินอยด์หงายเกลียวแบ่งอ้อยด้านซ้าย
7 - โซลินอยด์วางกระบอกยกชุดตัดเครือย์ด้านขวา
8 - โซลินอยด์ยกกระบอกยกชุดตัดเครือย์ด้านขวา
9 - โซลินอยด์วางชุดตัดเครือย์ด้านซ้าย
10 - โซลินอยด์ยกชุดตัดเครือย์ด้ายซ้าย
..............................................................................................
เซนเซอร์กรองดักน้ำ
ติดอยู่กับกรองดักน้ำ
..............................................................................................
โซลินอยด์วาล์วพวงมาลัย
อยู่ด้านซ้ายของแบตเตอรืรี่ (กล่องวาล์วสีทอง) ควบคุมการจ่ายน้ำมันไปกระบอกเลี้ยวทั้ง 2 กระบอก
SOL 5 โซลินอยด์คุมเลี้ยวซ้าย
SOL 6 โซลินอยด์คุมเลี้ยวขวา
..............................................................................................
เซนเซอร์ประตูเครื่องยนต์
อยู่ด้านหน้าเครื่องยนต์ ติดตั้งไว้เพื่อความปลอดภัยจากชิ้นส่วนที่หมุนด้านหน้าเครื่องยนต์ (ถ้าเปิดประตูแล้วเครื่องยนต์จะดับ)
..............................................................................................
เซนเซอร์ความเร็วรอบสับท่อน
ติดตั้งอยู่ข้างฟลายวีลสับท่อน
..............................................................................................
รีเลย์ 12/24 (รีเลย์สตารท)
ติดอยู่ด้านข้างของแบตเตอร์รี่ ทำหน้าที่ช่วยสตาร์ท
..............................................................................................
โซลินอยด์กิน - คายอ้อย
อยู่ที่กล่องวาล์วตัดโคน ต้องเปิดพื้นทางขึ้นด้านซ้าย
SOL 45 โซลินอยด์เปิดกินอ้อย
SOL 46 โซลินอยเปิดคายอ้อย
..............................................................................................
เซนเซอร์รอบตัดโคน
อยู่ข้างมอเตอร์ตัดโคน ใช้วัดความเร็วรอบตัดโคน
..............................................................................................
เซนเซอร์กระบออกออโต้เทคเก้อร์
อยู่ด้านหลังห้องเก๋ง ต้องเปิดหัวเก๋ง ทำหน้าที่บอกระดับความสูงตัดโคนและการยก วาง ชุดตัดโคนอัตโนมัติ
..............................................................................................
เซนเซอร์แรงดันสับท่อน
อยู่ติดกับกล่องวาล์วสับท่อน ใช้วัดค่าแรงดันชุดสับท่อนที่แสดงที่หน้าจอมอนิดเตอร์
..............................................................................................
เซนเซอร์แรงดันตัดโคน
อยู่ด้านล่างของกล่องวาล์วตัดโคน ใช้วัดแรงดันของชุดตัดโคนที่แสดงที่หน้าจอและทำงานรวมกับระบบออโต้เทคเก้อร์
..............................................................................................
เซนเซอร์กรองไฮดรอลิคตัน
อยู่ข้างกรองไฮดรอลิคทางดูด ทำหน้าที่วัดกรองไฮดรอลิคตัน
..............................................................................................
โซลินอยด์บิลเลทวาล์ว (โซลินอยด์ตั้งความยาวท่อนอ้อย)
อยู่ด้านซ้ายตัวรถข้างมอเตอร์สับท่อน ทำหน้าที่ควบคุมความเร็วของโรลเลอร์ชุดหลัง
..............................................................................................
ออดถอยหลัง
อยู่ด้านซ้ายตัวรถ ใต้ฝาคลอบข้างที่เติมน้ำมันไฮดรอลิค แจ้งเตือนเวลาถอยหลัง
..............................................................................................
ชุดโซลินอยด์วาล์วตัดเครือย์
อยู่ข้างกล่องวาล์วตัดโคน ควบคุมทิศทางการหมุนของมอเตอร์ตัดเครือย์
..............................................................................................
เซนเซอร์อุณหภูมิน้ำมันไฮดรอลิค
อยู่ที่ถังพักน้ำมันไฮดรอลิคข้างปั๊มไฮดรอลิค วัดอุณหภูมิของน้ำมันไฮดรอลิค
..............................................................................................
โซลินอยด์ปั๊มเดินล้อ
อยู่ที่ปั๊มเดินล้อ ควบคุมการเดินหน้าและถอยหลัง
SOL 1/2 โซลินอยด์เดินหน้า
SOL 3/4 โซลินอยด์ถอยหลัง
..............................................................................................
สวิตช์ระดับน้ำมันไฮดรอลิค
อยู่ที่ถังไฮดรอลิคลูกบน ทำหน้าที่สั่งดับเครื่องยนต์ถ้าน้ำมันไฮดรอลิคต่ำกว่าระดับ
..............................................................................................
เซนเซอร์ปั๊มเดินล้อ
อยู่ที่ปั๊มเดินล้อ ทำหน้าที่ป้องกันปั๊มเดินล้อ 2 ลูกทำงานผิดพลาด
..............................................................................................
โซลินอยด์เบรคมือ
อยู่ผนังห้องปั๊มไฮดรอลิค
..............................................................................................
โซลินอยด์ปรับรอบพัดลมใหญ่ PWM
อยู่ที่กล่องวาล์วพัดลมใหญ่ ด้านบนของชุดแผงระบายความร้อน ทำหน้าที่ควบคุมความเร็วรอบของพัดลมใหญ่
..............................................................................................
โซลินอยด์เปิด ปิด พัดลมใหญ่
อยุ่ตรงข้ามกับโซลินอยด์ปรับรอบพัดลมใหญ่ ทำหน้าที่ เปิด ปิด พัดลมใหญ่
..............................................................................................
เซนเซอร์หม้อน้ำ
อยู่ติดกับหม้อพักน้ำหรือลูกบอลลูน ทำหน้าที่ส่งสัญญานน้ำยาหล่อเย็นต่ำกว่าระดับ เพื่อสั่งให้ดับเครื่องยนต์
..............................................................................................
เซนเซอร์รอบพัดลมใหญ่
อยู่ที่คอมอเตอร์พัดลมใหญ่ ทำหน้าที่อ่านความเร็วรอบของพัดลมใหญ่
..............................................................................................
ชุดกล่องวาล์วสะพานหาง
1 - โซลินอยด์เดินสะพานหางย้อนกลับ
2 - โซลินอยด์เดินสะพานหางเอาอ้อยขึ้นรถบรรทุก
3 - โซลินอยด์ยกสะพานหาง
4 - โซลินอยด์วางสะพานหาง
5 - โซลินอยด์หุบบินแฟลบ
6 - โซลินอยด์เปิดบินแฟลบ
7 - โซลินอยด์หมุนปล่องพัดลมเล็ก ตามเข็มนาฬิกา
8 - โซลินอยด์หมุนปล่องพัดลมเล็ก ทวนเข็มนาฬิกา
9 - ไพลอทวาล์วสะพานหาง
10 - โซลินอยด์เปิด ปิด พัดลมเล็ก
..............................................................................................
โซลินอยด์ชุดตัดยอด
อยู่ที่กล่องวาล์วชุดตัดยอด ทำหน้าที่เปิด ปิดชุดตัดยอดและ ควบคุมทิศทางการปัดยอดอ้อยไปทางซ้ายหรือขวา
1 โซลินอยด์ปัดอ้อยไปทางขวา
2 โซลินอยด์ปัดอ้อยไปทางซ้าย
..............................................................................................
ชิ้นส่วนระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์
1 - เซนเซอร์อุณหภูมิน้ำมันเชื้อเพลิง
2 - เซนเซอร์ความเร็วรอบเพลาลูกเบี้ยว
3 - มอเตอร์สตารท
4 - กล่องเครื่องยนต์ EDC
5 - คอมแอร์
6 - เซนเซอร์แรงดันและอุณหภูมิ
7 -เซนเซอร์แรงดันและอุณหภูมิของอากาศ
8 - ไดร์ชารจ
9 - ตัวต้านทานการติดเครื่องขณะอุณหภูมิต่ำ
10 - ข้อต่อชุดสายไฟหัวฉีด
11 - เซนเซอร์อุณหภูมิน้ำยาหล่อเย็น
12 - เซนเซอร์ความเร็วรอบฟลายวีล
13 - โซลินอยด์ปั๊มเชื้อเพลิง
..............................................................................................
บทส่งท้าย
พื้นฐานการตรวจเช็คระบบไฟฟ้า
การตรวจเช็ค,การแก้ปัญหาและการวิเคราะห์ปัญหาของที่เกิดขึ้นต้องตามไดอะแกรมและลำดับการตรวจเช็ค โดยที่หลายปัญหาเกิดจากชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ซึ่งสามารถวิเคราะห์และแก้ปัญหาได้รวดเร็ว แต่ด้วยราคาชิ้นส่วนที่มีราคาสูงดังนั้นการเสียเวลาตรวจเช็คด้วยตนเองเบื้องต้นจะช่วยให้ลดค่าใช้จ่ายและเวลาได้ ซึ่งหน้าจอช่วยแสดง โค๊ตที่เสียหาย (Error Code) จากการทำงานที่ผิดปกติจากระบบอิเล็คทรอนิคส์และระบบไฟฟ้า ซึ่งมีโค๊ตอยู่ 2 แบบ คือ การเตือน ( Alarm- A) และเกิดการบกพร่องหรือเสียหาย (Error Code – E)
การเตือน ( Alarm- A) คือโค๊ตที่เกิดมาจากปัญหาของระบบแมนนวลของตัวรถและการเตือนให้ทางคนขับตรวจเช็คเรื่องการบำรุงรักษาหรือเพื่อปรับตั้งค่าใหม่ตามที่เกิดการเตือน ตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์ความร้อนขึ้นสูง กรองตัน หรือการคอนโทรลที่ไม่ปกติ การเตือน ( Alarm- A) เป็นการเตือนในระบบไฟฟ้า ข้อบกพร่องหรือเสียหาย (Error Code – E) เกิดจากความเสียหายของชิ้นส่วนหรือระบบไฟฟ้าและเป็นการเตือนคนขับว่าชิ้นส่วนหรือระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน ตัวอย่างเช่น การเตือนว่าระบบไฟฟ้าไม่ครบวงจรหรือไฟช๊อตลงกาวน์หรือช๊อตระหว่างสายไฟ โดยโค๊ต E นี้ จะฟ้องในเรื่องเกี่ยวกับการเสียหายที่สายไฟหรือค่าเซนเซอร์ที่ผิดปกติ ในการเช็คปัญหาของระบบไฟฟ้าขั้นแรกต้องเข้าใจปัญหาอย่างครบถ้วนและชัดเจนป็นอันดับแรก โดยการสอบถามอาการของการเสียหายจากคนขับและลองใช้งานฟังชั่นก์ที่มีปัญหาเพื่อตรวจสอบปัญหาตามที่คนขับแจ้ง
กระบวนการวินิจฉัยของแต่ละโค๊ตจะอยู่ในคู่มือ ถ้าโค๊ตที่ขึ้นฟ้องเรื่องปัญหาสายไฟให้เช็คสายไฟและข้อต่อต่างๆ ก่อนที่จะทดสอบระบบรถตัดอ้อย ในบางกรณีที่จะต้องใช้มัลติมิเตอร์เพื่อตรวจเช็คปัญหาที่เกิดขึ้น มัลติมิเตอร์ที่ดีจะต้องวัด โวลต์ แอมป์และโอห์มได้ ขั้นต่ำต้องวัดได้ 20,000 โอห์ม
หมายเหตุ : ถ้าจะเทสต์ระบบไฟฟ้าโดยใช้ไฟจากภายนอกเพื่อทดสอบอาจจะส่งผลต่อระบบอิเล็กทรอนิคส์(กล่อง ECU ) ได้
ดังนั้นห้ามต่อกระไฟ 12 โวล์ตจากภายนอกเข้าตรงกับโซลินอยด์หรือชิ้นส่วนไฟฟ้าอื่นๆ โดยตรงเพราะอาจจะทำให้ระบบไฟฟ้าอื่นๆ ของรถตัดอ้อยเสียหายได้
การใช้มัลติมิเตอร์ให้เลือกค่าสูงสุดก่อนแล้วค่อยลดลงเพื่อป้องกันการเสียหายต่อมัลติมิเตอร์
หมายเหตุ : ข้อควรระวังเวลาใช้งานมัลติมิเตอร์ให้ใช้งานตามคู่มือการใช้งานเพื่อป้องกันการทำความเสียหายกับตัวไมโครโปรเซสเซอร์ของรถตัดอ้อยได้ เมื่อจะเช็คความต่อเนื่อง ( โอห์ม)สายไฟ เซนเซอร์ สวิตช์ จะต้องปิดสวิตช์กุญแจก่อนที่จะเช็คค่าเพื่อเป็นการป้องกันโมดุลรถตัดอ้อย การที่จะเปิดสวิตช์กุญแจ ON ก็เพื่อตรวจเช็ค Error Code เท่านั้น ในการหาจุดหรือตำแหน่งของสายไฟที่เสียหายให้ถอดปลั๊กไฟไล่มาจากจุดที่มีปัญหาตามไดอะแกรมของระบบไฟฟ้าหรือตามมัดสายไฟเพื่อเช็คไฟมาตามข้อต่อ แต่ถ้าที่ข้อต่อที่เช็คสายไฟไฟไม่มาให้เช็คปลั๊กสายไฟท่อนต่อไปเรื่อยๆ ไม่ให้เช็คไฟโดยไม่ถอดปลั๊กเพื่อป้องกันการเสียหายที่ปลั๊กไฟและสายไฟ ยกเว้น ตามคู่มือแจ้งให้ทำได้
คำเตือน : ห้ามถอดข้อต่อสายไฟขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานเพื่อป้องกันความเสียของรถตัดอ้อยหรือบุคคลที่เกิดจากการช๊อตของระบบไฟฟ้า
ข้อห้าม : เพื่อป้องการเกิดอุบัติเหตุห้ามปฏิบัติงานใต้หัวเก๋งขณะที่ติดเครื่องยนต์ หรือการที่จะต้องทำการตรวจเช็คระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวกับระบบเดิน กินอ้อย หรือสะพานหางต้องใช้ความระมัดระวัง และไม่ควรติดเครื่องยนต์
ถ้าต้องทำความสะอาดสายไฟให้ใช้สเปรย์คอนแทรคฉีด ห้ามใช้อย่างอื่นทำความสะอาดปลั๊กไฟหรือแกนหัวสายไฟ โดยเฉพาะสารไตรคลอโรเอทธิลีน (TCE) เพราะสารตัวนี้มีผลต่อข้อต่อที่เป็นพลาสติก แนะนำให้ใช้ Freon T.F.
การซ่อมแซมสายไฟ
การซ่อมแซมสายไฟเพื่อใช้งาน(ชั่วคราว)
การซ่อมแซมสายไฟแนะนำให้ใช้เพื่อชั่วคราว แต่ควรที่จะเปลี่ยนทันทีที่สามารถทำได้ และอย่าซ่อมชุดสายไฟตัวเซนเซอร์ถ้าเสียควรเปลี่ยน
มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอล
หมายเหตุ : ในส่วนนี้เป็นการกล่าวถึงการใช้งานมัลติมิเตอร์แบบทั่วไป ควรศึกษาคู่มือการใช้งานของมัลติมิเตอร์ของแต่ละบริษัทอีกที
มัลติมิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดทางอิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งสามารถวัดค่าต่างๆ ตามยี่ห้อและรุ่นที่แต่ละบริษัทที่ผลิตเครื่องมัลติมิเตอร์ผลิตขึ้นมาโดยส่วนมากจะวัดค่าได้ดังนี้คือ
1. กระแสไฟฟ้า สลับAC/ตรง DC ค่าที่วัดออกมาได้เป็น แอมแปร์ A
2. ความต้านทาน มีหน่วยเป็นโอห์ม
3. ขนาดแรงดันไฟฟ้า สลับAC/ตรง DC ค่าที่วัดออกมาได้เป็น โวลต์ V
4. การเช็คความต่อเนื่องของสายไฟ Buzz Test
โดยที่มัลติมิเตอร์ที่มีราคาสูงจะมีฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นมานั่นคือ การเช็คค่าความถี่ การเช็คไดโอด เป็นต้น
การใช้งานทั่วไป
ก่อนที่จะทำการตรวจเช็คเราต้องเลือกก่อนว่าเราจะวัดค่าอะไร โวลต์ ความต้านทานหรือกระแส แล้วหมุนเลือกย่านของข้อมูลตามที่เราจะวัดโดยเราจะเลือกค่าที่สูงสุดของย่านที่จะวัดกรณีที่เราไม่รู้ค่า แต่ถ้ารู้ค่าที่วัดให้เลือกค่าที่มากกว่า 1 สเกล แล้วค่อยๆ ลดมาในระดับที่เราจะวัดหรือในระดับที่อ่านค่าได้ตามที่เราต้องการหรือตามคู่มือ การวัดแรงดันไฟฟ้า ( โวล์ต)
1. เลือกว่าเราจะวัดค่ากระแสตรงหรือกระแสสลับ
2. เสียบสายวัดสีดำเข้าช่อง COM ที่ตัวมัลติมิเตอร์
3. เสียบสายวัดสีแดงเข้าช่อง V/
4. วัดค่าแรงดันโดยสายแดงแตะที่สายไฟและสีดำแตะที่สายดินโดยที่เป็นแบบ Close Circuit หรือระบบไฟเข้าและลงกราวน์สมบูรณ์แบบ
5. อ่านค่าที่ได้ที่หน้าจอมัลติมิเตอร์
การวัดกระแสไฟฟ้า แอมแปร์
1. เลือกว่าเราจะวัดค่ากระแสตรงหรือกระแสสลับ
2. เสียบสายวัดสีดำเข้าช่อง COM ที่ตัวมัลติมิเตอร์
6. เสียบสายวัดสีแดงเข้าช่อง A หรือ 10A โดยที่ถ้าค่าแอมแปร์อยู่ที่ 2 แอมป์ให้เลือเสียบเข้าช่อง A แต่ถ้าค่ากระแสสูงถึง 10 แอมป์ให้เลือกช่อง 10 A โดยที่เป็นแบบ Close Circuit หรือระบบไฟเข้าและลงกราวน์สมบูรณ์แบบ
3. ถอดปลั๊กออกเพื่อเอาสายวัดสีดำแต่ที่ไฟมาและสายสีแดงแตะที่อีกฝั่ง
4. อ่านค่าที่ได้ที่หน้าจอมัลติมิเตอร์
การวัดค่าความต้านทาน โอห์ม
1. เลือกช่วงความต้านทานที่ต้องการวัด
2. เสียบสายวัดสีแดงเข้าช่อง โอห์ม
3. เสียบสายวัดสีดำเข้าช่อง COM ที่ตัวมัลติมิเตอร์
4. ก่อนที่จะเช็คจะต้องปิดสวิตช์ก่อน
5. อ่านค่าที่ได้ที่หน้าจอมัลติมิเตอร์
การเช็คความต่อเนื่อง (Buzz)
1. ปรับสวิตช์เลือกไปที่ตำแหน่ง Buzz
2. เสียบสายวัดสีแดงเข้าช่อง --+
3. เสียบสายวัดสีดำเข้าช่อง COM ที่ตัวมัลติมิเตอร์
4. เอาสายเช็คสีแดงแตะที่ตำแหน่งที่จะเช็คและสายดำแต่ที่ตัวรถตัดอ้อย
5. ปกติถ้าค่าความต้านทานต่ำกว่า 50 จะได้ยินเสียง Buzz
หมายเหตุ : มัลติมิเตอร์จะมีเสียง Buzz แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคุณภาพของมัลติมิเตอร์ บางครั้งอาจจะเช็คผิดพลาดได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อเช็ค Oxidized point ของกาวน์ด มัลติมิเตอร์ที่คุณภาพต่ำจะวัดค่าได้ 150 แล้วมีเสียง Buzz แสดงว่ามีความต่อเนื่องและไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่มัลติมิเตอร์ที่มีคุณภาพสูงกว่าวัด ณ จุดเดียวกัน จะไม่มีเสียง Buzz ออกมาเนื่องจากมีความต้านทานสูงเกิน ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คจำเป็นจะต้องดูค่าความต้านทานด้วยนอกจากฟังเสียง Buzz
ถ้าการเชื่อมต่อดีจะมีความต้านทานต่ำ
ถ้าการเชื่อมต่อไม่ดีความต้านทานจะสูง
สรุป : ถ้าจะทำการวัด> 1. การวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า (โวลต์) a. ต่อข้ามชิ้นส่วนที่จะวัดโดยที่ระบบจะต้องครบสมบูรณ์ ( Close )
2. การวัดกระแสไฟฟ้า (แอมแปร์)
a. ต่อแบบอนุกรมกับระบบโดยที่ระบบจะต้องครบสมบูรณ์ ( Close )
3. การวัดความต้านทาน (โอห์ม)
a. ต่อข้ามชิ้นส่วนที่จะวัดโดยที่ระบบจะต้องไม่ครบสมบูรณ์ (Open )
4. การวัดความต่อเนื่อง
a. ต่อข้ามชิ้นส่วนที่จะวัดโดยที่ระบบจะต้องไม่ครบสมบูรณ์ (Open )(อย่าลืมดูค่าความต้านทานด้วยทุกครั้ง
กระบวนการสำหรับการตรวจเช็คระบบไฟฟ้า
การเช็คระบบไฟฟ้าของรถตัดอ้อยเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาจะมีอยู่ด้วยกัน 4 อย่าง โดยที่แต่ละอย่างจะมีรายละเอียดของขั้นตอนแตกต่างกันไป เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละขั้นตอนทำได้ถูกต้องจะต้องศึกษาและทำตามขั้นตอนการตรวจเช็คอย่างถูกวิธี
1. การวัดความต่อเนื่อง เพื่อหาการช๊อตลงกาวน์
2. การวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า (โวลต์) เพื่อหาไฟที่ช๊อต 12 โวล์ต
3. การตรวจสอบความต้านทานของชิ้นส่วนไฟฟ้าต่างๆ
4. การวัดความต่อเนื่องเพื่อหาว่า ระบบไฟฟ้าของระบบไม่ครบวงจร หรือ Open Circuit
กระบวนการที่ 1 การวัดความต่อเนื่อง เพื่อหาการช๊อตลงกาวน์
1. ปิดสวิตช์สตารท ( บางครั้งอาจต้องเอาขั้วแบตเตอร์รี่ออกหรือถอดฟิวส์ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของการตรวจเช็คแต่ละระบบ)
2. ถอดข้อต่อของแต่ละฝั่งออกและต่อข้อต่ออื่นให้ครบก่อนที่จะทำการตรวจเช็คเพื่อป้องกันการอ่านค่าที่ผิดพลาด
3. เลือช่วงการวัดความต้านทานหรือโอห์มและวัดค่าความต้านทาน เอาสายเช็คสีดำแตะกับแชสซีรถเพื่อเช็คว่ามีการเกิดปฏิกิริยาใหมถ้าไม่เกิด ก็ใช้สายวัดสีแดงแตะที่ขั้วบวกที่จะเช็คโดยแตะ 1 ทีก่อนเพื่อป้องกันไฟที่อาจรั่วมาจากกล่องได้
4. ถ้าค่าความต้านทานที่อ่านได้คือ 3-4 โอห์ม นั่นคือไฟช๊อตลงกาวน์ของตัวรถตัดอ้อย ดังนั้นจะต้องหาจุดของสายไฟที่รั่วลงกาวน์และซ่อมแซมหรือแก้ไข ถ้าค่าความต้านทานที่อ่านได้มีค่ามากกว่า 100 กิโลโอห์ม แสดงว่าไม่มีการช๊อตลงกาวน์
กระบวนการที่ 2 เป็นการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าว่าสายไฟมีการช๊อตเข้าหากันหรือไม่
เงื่อนไข : การวัดว่ามีการช๊อตของสายไฟเข้าหากันหรือไม่คือจะต้องเปิดสวิตช์สตารท ON ให้ไฟเข้าไปในระบบแล้วค่อยตรวจเช็ค
1. เปิดสวิตช์สตารท ON (บางครั้งอาจจะใช้การวัดแบบปิดสวิตช์สตาร์ท)
2. ถอดปลั๊กของเซนเซอร์ สวิตช์หรือโพเทนชั่นมิเตอรืหรือพวกมิเตอร์วัดรอบ วัดความร้อนต่างๆที่จะเช็คระบบนั้นๆ ออก และส่วนข้อต่ออื่นๆ ต้องต่อกันไว้ให้ครบก่อนจะทำการวัดค่า
3. เลือกช่วงความถี่ไปที่การวัดค่าความต่างศักย์(โวลต์) แบบกระแสตรง ใช้สายไฟสีแดงแตะที่พินโดยจะทำการวัดทีละเส้นในแต่ละครั้งของการวัดและระวังอย่าให้ไปแตะที่สายดิน หลังจากนั้นใช้สายวัดสีดำแตะไปที่ดินที่ตัวแชสซีรถ คล้ายกับช่องสำหรับต่อสตารทตรง เช็คพื้นกาวน์ที่แตะวัดด้วยถ้าค่าที่วัดไม่ขึ้น
4. อ่านค่าที่ได้เปรียบเทียบกับค่าตามตารางที่กำหนดในคู่มือการตรวจเช็คระบบนั้น
กระบวนการที่ 3 การวัดความต้านทานของชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์
1. ถอดปลั๊กสายไฟและถอดชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ตัวที่จะวัดออกมาเพื่อทำการตรวจเช็ค เช่น เซนเซอร์ สวิตช์หรือโพเทนชั่นมิเตอร์ต่างๆ
2. เลือกวัดค่าความต้านทานหรือโอห์มแล้ววัดค่าต่างๆ ตามที่ทางคู่มือแจ้งให้เช็คและทำการวัดค่าเปรียบเทียบกับคู่มือ การวัดโพเทนชั่นมิเตอร์โดยที่เราหมุนแกนของโพเทนชั่นมิเตอร์ไปมาเพื่ออ่านค่า จะต้องตรวจเช็คดูด้วยว่าตัวเซนเซอร์ไม่มีจุดรั่ว เมื่อเช็คทั้งสองตำแหน่งหรือหมุนเซนเซอร์แล้วเปิดสวิคตช์ ON เมื่อต้องการวัดว่าไฟฟ้าช๊อตในระบบหรือสายไฟขาดหรือไม่
3. เปรียบเทียบค่าความต้านทานที่อ่านได้กับค่าที่กำหนดตาม Error หรือตามคู่มือ โดยที่ค่าความคลาดเคลื่อนจะอยู่ประมาณ +-5%
กระบวนการที่ 4 การตรวจเช็คค่าความต่อเนื่อง เช็คว่าสายไฟขาดหรือระบบไฟไม่ครบวงจรหรือไม่
1. ปิดสวิตช์สตารท ( บางครั้งอาจต้องเอาขั้วแบตเตอร์รี่ออกหรือถอดฟิวส์ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของการตรวจเช็คแต่ละระบบ)
2. ถอดข้อต่อของแต่ละฝั่งออกและต่อข้อต่ออื่นให้ครบก่อนที่จะทำการตรวจเช็คเพื่อป้องกันการอ่านค่าที่ผิดพลาด
3. เลือกวัดค่าความต้านทานโดยสายวัดสีแดงแตะที่พินโดยจะทำการวัดทีละเส้นในแต่ละครั้งของการวัดและระวังอย่าให้ไปแตะที่สายดิน และใช้สายวัดสีดำแตะไปที่พินของสายดินของวงจรที่จะวัด ระวังการแตะวัดผิดสายอาจจะทำให้มิเตอร์เสียหายได้
4. เปรียบเทียบค่าที่อ่านได้กับคู่มือในการตรวจเช็ค ถ้าค่าที่อ่านได้อยู่ที่ 3-4 โอห์ม นั่นคือระบบส่งกระเสไฟปกติหรือสายไฟปกติ ถ้าค่าสูงกว่านี้แสดงว่าข้อต่อสกปรกหรือมีปัญหา แต่ถ้าเกิน 100 กิโลโอห์มแสดงว่าสายไฟขาดหรือไฟไม่ครบระบบ
ส่วนประกอบของระบบไฟฟ้า
รายละเอียดและพื้นฐานการตรวจเช็ค
1. ฟิวส์
ฟิวส์มีหน้าที่ในการป้องกันระบบไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟเกินฟิวส์จะรับค่ากระแสไฟได้ตามที่สร้างมาถ้ากระแสไฟที่เข้ามาเกินไปฟิวส์จะขาดและตัดระบบ โดยจะเกิดจากการช๊อตในระบบหรือชิ้นส่วนหรืออุปรณ์ที่รับไฟไปต้องการไฟที่เกินกว่าที่ฟิวส์จะรับได้ ฟิวส์มีหลายแบบ แต่หลักกการทำงานจะเหมือนกันโดยที่การแบ่งระดับของฟิวส์ว่าจะกี่แอมป์ขึ้นอยู่กับว่าความต่อเนื่องของกระแสไฟที่จะผ่านตัวฟิวส์มากน้อยขนาดไหน ถ้าฟิวส์ขาดจะต้องเปลี่ยนฟิวส์ที่มีขนาดของแอมป์เท่าเดิม แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วยังขาดต้องหาสาเหตุและแก้ไข โดยที่ฟิวส์สามารถตรวจเช็คด้วยการดูด้วยสายตาหรือเช็คที่ฟิวส์เช็คที่แผงฟิวส์ได้
2. สวิตช์
สวิตช์เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญมากของระบบไฟฟ้าใช้ในการควบคุมระบบไฟฟ้า โดยที่สวิตช์หนึ่งตัวอาจจะควบคุมรับบหลายๆ อย่างได้ หรือสวิตช์อาจจะใช้หลายตัวในการที่จะใช้ควบคุมระบบเดียวกัน ซึ่งสวิตช์มีหลายแบบและอาจจะมีไฟเตือนที่ตัวสวิตช์ด้วย
สวิตช์อาจจะสร้างแบบง่ายๆ คือใช้สำหรับเปิดไฟเพียงอย่างเดียว แต่บางทีสวิตช์ก้ออาจะจะออกแบบมาให้ทำงานหลายๆอย่างในตัวเดียวเช่น สตาร์ทเครื่องยนต์และจ่ายไฟเข้าระบบต่างๆ ด้วย สำหรับการตรวจเช็คการทำงานของสวิตช์คือ การเช็คที่เข้ามาที่สวิตช์และไฟที่ออกไปจากสวิตช์เมื่อมีการกดปุ่มเปิดสวิตช์
สวิตช์แบบธรรมดาตัวหนึ่งคือ สวิตช์แรงดัน โดยที่สวิตช์จะเปิดหรือปิดโดยขึ้นอยู่กับแรงดันของของเหลว ยกตัวอย่างเช่น สวิตช์แรงดันน้ำมันเครื่องที่จะเปิดหรือปิดอยู่ที่การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของแรงดันน้ำมันเครื่อง โดยจะคำนวนการเปิดของวาล์วส่งค่าไปที่หน้าจอ
3. ตัวต้านทาน
ตัวต้านทานมีหน้าที่ในการควบคุมค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า(โวล์ต)และกระแสไฟฟ้าที่จะส่งไปให้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ บางกรณีเราใช้ตัวต้านทานเพื่อสร้างความร้อนและแสงสว่าง เช่น ที่จุดบุหรี่ที่เปลี่ยนไฟฟ้าเป็นความร้อนและดวงไฟที่เปลี่ยนไฟฟ้าเป็นแสงสว่างเป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามกฎของฟิสิกส์และกฎของโอห์ม
ตัวส่งสัญญานระดับน้ำมันเชื้อเพลิงหรือเกจ์น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งการทำงานจากการเคลื่อนที่ของลูกลอยไปผ่านตัวต้านทานค่าต่างๆ (เกจ์ระดับ) ซึ่งจะส่งค่าระดับออกไป
โพเทนชั่นมิเตอร์ คือตัวต้านทานที่เปลี่ยนค่าไปตามกลไกลหรือชิ้นส่วนที่ไปหมุนตัวโพเทนชั่นมิเตอร์ ดังนั้นการที่ไปหมุนหรือดันตัวต้านทานที่เปลี่ยนค่าได้นี้จะทำให้เกิดการจ่ายไฟฟ้ามากน้อยตามที่ตัวต้านทานนี้ส่งกระแสไฟไป การที่จะเช็คโพเทนชั่นมิเตอร์นี้ว่าทำงานปกติใหมจะต้องหมุนหรือดันให้ได้ค่าต่ำสุดหรือสูงสุดแล้วดูค่าที่เปลี่ยนแปลงไประหว่างค่าสูงสุดและต่ำสุด โดยที่จะต้องวัดที่ตัวโพเทนชั่นมิเตอร์ที่ 20 องศาเซลเซียส
อุปกรณ์ชิ้นส่วนแม่เหล็กไฟฟ้า
โดยทั่วไปเราจะใช้แม่เหล็กไฟฟ้าในการกำหนดทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าในชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์
1. รีเลย์
รีเลย์เป็นสวิตช์แม่เหล็กไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้สำหรับ ปิด หรือ เปิด ชิ้นส่วนขนาดใหญ่หรือระบบ ซึ่งหลักการทำงานก็เหมือนกับสวิตช์ทั่วๆ ไป ส่วนประกอบของรีเลย์ประกอบด้วย คอยน์ที่เป็นแม่เหล็กไฟฟ้า ขดลวดที่พันคอยน์ และตัวแขนที่เป็นเหล็กสปริง เมื่อมีกระแสไฟจ่ายไปที่ขดลวดที่พันคอยน์ไฟฟ้าจะทำให้เกิดเป็นสนามแม่เหล็กและดึงขาสปริงมาแตะที่ขาที่มีหน้าคอนแทคติดอีกฝั่งทำให้ระบบสมบูรณ์กระแสไฟจ่ายไปยังอุปกรณ์เพื่อที่จะเปิดทำงาน โดยมีระบบไฟฟ้า 2 ระบบที่ต่อสั่งงานรีเลย์
1. ระบบสั่งงานโดยที่จะใช้รีเลย์ตัวอื่นในการสั่งเปิดหรือปิด แล้วส่งกระแสไฟไปเปิดระบบทำงานต่างๆ ตัวอย่างเช่น ไฟส่องสว่าง โซลินอยด์เป็นต้น
2. ระบบสั่งงานด้วยสวิตช์กดธรรมดาใช้สำหรับคุมรีเลย์ต่างๆ
ข้อดีของรีเลย์ไฟฟ้าที่ดีกว่าสวิตช์ทั่วไปคือ
1. ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในรีเลย์ต้องการน้อยกว่าสวิตช์ทั่วไป
2. สวิตช์ทั่วไปจะมีวงจรที่ยาวกว่าของรีเลย์ซึ่งจะทำให้ค่าโวลต์ดรอปมีค่ามากกว่ารีเลย์
รีเลย์ที่ใช้ในรถตัดอ้อยมี 3 แบบคือ
1. ไมโครรีเลย์ (รีเลย์ที่ใช้ทั่วไป)
2. มินิรีเลย์
3. ไทม์เมอร์ดีเลย์
ที่ฝาคลอบของรีเลย์จะมีสัญลักษณ์หรือตัวเลขที่บ่งบอกดังนี้
1. 3 หรือ 30 เป็นช่องกระแสไฟเข้าจากแบตเตอร์รี่(สำหรับใช้โหลด)
2. 2 หรือ 85 เป็นช่องออกของกระแสไฟฟ้าจากคอยน์ลงกาวน์
3. 1 หรือ 86 เป็นช่องกระแสไฟเข้าจากคอยน์
4. 4 หรือ 87 เป็นช่องกระแสไฟไปใช้งานปกติเป็นแบบ NC (วงจรครบสมบูรณ์พร้อมทำงาน)
5. 5 หรือ 87A เป็นช่องกระแสไฟไปใช้งานปกติเป็นแบบ NO (วงจรไม่ครบสมบูรณ์ไม่พร้อมทำงาน)
โซลินอยด์
โซลินอยด์มีหลักกการทำงานที่คล้ายกับรีเลย์แต่ต่างกันตรงที่รีเลย์แกนจะอยู่กับที่ไม่ขยับแต่ไปขยับแขนสปริงแทนแต่โซลินอยด์จะทำให้แกนที่อยู่ตรงกลางขยับเคลื่อนที่แทน ตัวอย่างเช่น ในระบบสตารท การทำงานของโซลินอยด์เมื่อแกนเลื่อนจะส่งกระแสไฟไปที่มอเตอร์สตารท เป็นต้น โดยทั่วไปโซลินอยด์จะมีแกนอยู่ตรงกลางและมีขดสายไฟอยู่รอบๆ แกน โดยจะทำหน้าที่เหมือนเป็นลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นลงควบคุมการเคลื่อนที่โดยคอยน์ไฟฟ้า เมื่อกระแสไฟผ่านขดสายไฟคอยจะสร้างเป็นสนามแม่เหล็กทำให้แกนไปกดสปริงทำให้ระบบทำงาน แต่ถ้าเราปิดระบบไฟไม่เข้าไปในขดสายไฟสปริงจะดันแกนให้เลื่อนออกมาอยู่จังหวะว่าง โวลินอยด์มีการใช้งานในหลายรูปแบบแต่ที่ใช้กันมากจะใช้ในระบบไฮดรอลิคและระบบกลไกต่างๆ
การเสียหายหรือความผิดปกติของการทำงานของระบบโซลินอยด์คือ
1. การเกิดการลัดวงจรในขดสายไฟในคอยน์ซึ่งจะทำให้ฟิวส์ที่คุมระบบขาดได้
2. สายไฟในขดสายไฟของคอยน์ขาดทำให้เมื่อเปิดระบบแล้วโซลินอยด์จะไม่ทำงาน
3. สพูลวาล์วหรือชิ้นส่วนที่ไปขับเคลื่อนติดขัดทำให้กระแสไฟสั่งจ่ายปกติแต่ระบบไม่ทำงาน
โซลินอยด์วาล์วแบบ PWM
ถ้าต้องการโซลินอยด์วาล์วที่ปรับอัตราการจ่ายน้ำมันไฮดรอลิคได้เราจะเลือกโซลินอยด์วาล์วแบบ PWM ( Pulse Width Modulation ) ซึ่งโซลินอยด์แบบ PWM จะใช้กระแสไฟฟ้าแบบกระแสตรงไปคอนโทรลโซลินอยด์วาล์วโดยกระแสหรือสัญญานที่ส่งไปจะเป็นสัญญาน เปิด/ปิด 10 ครั้งต่อวินาที โดยเป็นสัณญานที่คงที่ 500 Hz ที่ 12 โวลต์
กล่องอิเล็คทรอนิคส์ ( Electronic Modules (SCM)
กล่องอิเล็คทรอนิคส์ก็คือกล่องดำ ที่ใช้สำหรับคอนโทรลฟังก์ชั่นการตัดอ้อยของรถตัดอ้อย ข้างในกล่องจะเป็นระบบประมวลผลหรืออาจจะเรียกว่า “ ส่วนที่ใช้คิดหรือประมวลผล Thinking Part” โดยข้างในกล่องอาจจะมีเมมโมรี่ 1 หรือมากกว่าที่จะทำหน้าที่เก็บข้อมูลสำหรับการคาลิเบชั่น การเซตอัพเครื่องจักร และ เออเร่อโค๊ตต่างๆ หน่วยประมวลผลจะมีแผงพินที่จะรับกระแสไฟจากระบบไฟฟ้าโดยมีอยู่ 3 อย่างที่หน่วยประมวลผลรับคือ
1. รับสัญญาน
2. ส่งสัญญาน
3. ไฟเลี้ยงระบบประมวลผล
โดยที่หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ ส่วนประกอบต่างๆที่ต่อกับกล่องเป็นแค่ Hardware หรือเป็นแค่อุปกรณ์เท่านั้น แต่จำเป็นที่จะต้องมีระบบปฏิบัติการหรือ Software ที่จะช่วยให้เกิดการสื่อสารระหว่างหน่อยประมวลผลและหน่วยความจำและสร้างสัญญานที่จะส่งออกหรือส่งเข้าหน่วยประมวลผล โดยหน่วยปฏิบัติการหรือ Software ถูกออกแบบมาเพื่อสั่งการแบบต่างๆ ที่เรียกว่า คำสั่งการ Functional Code
ในรถรุ่นใหม่ๆ จะมีกล่องเพื่อที่จะมาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ รวมถึงการป้องกันชิ้นส่วน แต่ในความเป็นจริงจะป้องกันกระแสไฟที่สูงเกินหรือความถี่สูงเกินไปและสัญญานจะถูกกรองด้วยตัวชิ้นส่วนหรือ Hardware และถูกกำหนดให้เข้าหรือออกโดยระบบปฏิบัติการ Software เพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับการจัดการที่ดีที่สุด กล่อง SCM รับค่าแรงดันไฟฟ้าหรือสัญญานซึ่งเป็นค่าสัญญานที่คงที่ โดยที่จะเป็นแบบเปิดและปิดสลับกันไปตามค่าที่ส่งเข้าไป ดังนั้นกล่องควบคุมสามารถกำหนดการเคลื่อนของแกนวาล์วได้ให้ได้ปริมาณหรืออัตราไหลน้ำมันตามที่ต้องการ ถ้าไฟที่จ่ายไปน้อยวาล์วก็จะเปิดน้อยตามค่าไฟที่จ่ายไปให้โซลินอยด์ นั่นคือขึ้นอยู่กับความถี่ของอัตราส่วนของ ปิดและเปิด ที่ส่งเข้าไปในเวลาที่เท่ากันเช่นต่อ วินาที ภาพที่ 1 – 3 แสดงการทำงานตามปกติของวาล์ว PWM ส่วนภาพที่ 4 แสดงการทำงานตลอดเวลา
คอลัมน์ A แสดงความถี่ของไฟฟ้าที่ส่งไปให้ตัววาล์ว
คอลัมน์ B แสดงถึงตัวสปริงที่ดันแกนวาล์ว
คอลัมน์ C แสดงค่าที่อ่านได้ที่มัลติมิเตอร์
แถวที่ 1 แสดงถึงจะหวะปิดระบบไม่มีไฟส่งเข้าไปที่คอยน์นั่นคือไม่มีแรงที่ไปกดสปริงนั่นคืออ่านค่าที่มัลติมิเตอร์เป็น 0
แถวที่ 2 แสดงถึงว่ามีการจ่ายค่าไฟเข้าไปบางส่วนมีแรงกดไปที่สปริงและเริ่มอ่านค่าได้
แถวที่ 3 แสดงว่ามีการส่งค่าไฟสูงสุดที่ไปกดสปริงประมาณ 50% ที่ไปใช้เปิดวาล์วมีค่าประมาณ 6 โวล์ต
การวัดค่าไฟฟ้าสามารถวัดได้ด้วยอะนาลอคมิเตอร์หรือดิจิตอลมิเตอร์
เซนเซอร์
เซนเซอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะใช้ในการส่งค่าอุณหภูมิ ความจุไฟฟ้า ความต้านทานแม่เหล็กไฟฟ้า โดยส่งเป็นค่าสัญญานเพื่อจะได้คำนวนค่าออกมา โดยค่าความแตกต่างระหว่างสัญญานที่เข้ากับสัญญานที่วัดได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเซนเซอร์ โดยที่ค่าสัญญานที่ได้รับมาสามารถนำไปใช้ได้โดยมีองค์ประกอบ 3 อย่างคือ ตัวเซนเซอร์ ตัวแปลงสัญญาน ( Convertor) และตัว Conditioner ที่จะนำค่าที่แปลงออกมาเอาไปใช้
เซนเซอร์อุณหภูมิ
เซนเซอร์อุณหภูมิจะใช้ในวงจรพื้นฐานทั่วไปโดยเซนเซอร์อุณหภูมิเป็นตัวต้านทานชนิดหนึ่งที่ค่าความต้านทานเกิดจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
1. NTC ( Negative Temperature Coefficient) อุณหภูมิยิ่งสูงความต้านทานยิ่งต่ำ
2. PTC ( Positive Temperature Coefficient) อุณหภูมิยิ่งสูงความต้านทานยิ่งสูง
เซนเซอร์แรงดัน Pressure Transmitter
เซนเซอร์แรงดันส่งค่าสัญญานหรือค่าความต่างของแรงดันที่จะส่งไปให้กล่องเพื่อแปลงค่าส่งไปแสดงที่หน้าจอ
GuRu CASEIH
อบรมบุรีรัมย์ 10-11 มิถุนายน 2565

ความคิดเห็น